ก่อนจะมาเป็นความเผ็ดร้อนของ ดนตรีแนว Rockabilly
Rockabilly ถือเป็นช่วงต้น ของดนตรี Rock 'n' Roll ที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีแบบ Blues และ Country-and-western (Country ของคนผิวขาว) มีจุดกำเนิดทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา Rockablilly เป็นดนตรี ที่มีกีตาร์ Acoustic และเบสที่ให้จังหวะที่ค่อนข้างเร่ง แรง และ หนักแน่นเป็นพื้นหลัง ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ sound ที่เป็น Electronic แบบดนตรี R & B ที่ นิยมกันในหมู่คนผิวดำ ตัวอย่างของศิลปินที่เล่นดนตรีแบบ Rockablilly ได้แก่ Everly Brothers, Rick Nelson และ Carl Perkins เป็นยุคเริ่มแรก ของวงดนตรี Rock & Roll ราวกลางทศวรรษ 50 Elvis Presley เด็ก หนุ่มผู้ซึ่งหลงใหล ดนตรี Rhythm & Blues ของชาวผิวดำ แต่มีสายเลือดลูกทุ่งเต็มตัว เขานำเอา ดนตรีลูกทุ่ง แนว Hill Billy จาก แถบ Tennessee มาขับร้อง ด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน แบบ Rhythm & Blues ผลลัพธ์คือ ดนตรีแนวใหม่ เรียกว่า Rockabilly
ดนตรี Rockabilly กลายเป็นดนตรี ขวัญใจวัยรุ่น เพราะดุเด็ด เผ็ดมันกว่าดนตรี Country ตอน นี้ เราต้องรู้ว่า คนอเมริกัน มีการเหยียดผิว อย่างร้ายกาจ ในช่วงเวลานั้น ทั้งๆ ที่ ใจของคนขาว จะนิยม Rhythm & Blues ของผิวดำเพียงใดก็ตาม พวกเขา ก็ไม่อาจจะยอมรับได้ จนกระทั่ง เมื่อ Elvis และทีมงานของเขา อันประกอบด้วย Scotti Moore มือกีตาร์ และ Bill Black มือเบส นำเอาดนตรี Country ที่อเมริกันภูมิใจ มาผสมผสานกับ จังหวะจะโคน ที่เรียกกันว่า Shuffle และสไตล์การร้อง ของดนตรี rhythm & blues จนกลายเป็นดนตรีแนวใหม่ ที่คนอเมริกันยอมรับได้ ดนตรี rockabilly จึงได้รับความนิยมขึ้นมา ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ต่อจาก Elvis นักร้อง นักดนตรี แนว Country ปลายๆ คน ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ กับดนตรีประเภทนี้ พวกเขาช่วยกันพัฒนา ดนตรีแนวใหม่ ให้ดีขึ้น และเปลี่ยนทิศทาง ออกไปหลายต่อหลายแนว นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีแนว Country เหล่านั้น ได้แก่ Carl Perkins, Jerry Lee Lewis, Gene Vincent เขายังเป็นนักร้องที่ยิ่งใหญ่ ในแนว Country ดั้งเดิม ดังนั้น ถ้าจะสรุป แนวทางของดนตรี Country นับตั้งแต่การแพร่หลายสู่วงการตลาด จะได้ดังนี้คือ 1. Jimmy Rodgers 2. Hank Williams 3. Johny Cash จากนั้น ก็เริ่มแปรเปลี่ยน เป็น Rockabilly ใน แนวของ Elvis Presley
เป็นธรรมดาอยู่เองที่ เมื่อดนตรี Country กำลังเริ่มสลายตัว คนอเมริกัน ก็เริ่มมองเห็นการสูญเสีย เอกลักษณ์ของพวกเขา ที่เป็นชนผิวขาว เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์ เป็นไปอย่างนี้ ดนตรีของคนผิวดำ ก็จะเข้ามีบทบาท กับดนตรีของเขาจนมากเกินไป หรืออาจจะลืม ดนตรีของเขาไปเลย และนอกเหนือจากนี้ก็คือ การกำเนิดของดนตรี rock จาก เกาะอังกฤษ ที่คนอเมริกันเอง เกือบจะตามไม่ทัน ดังนั้น จึงเกิดมีกลุ่มนักดนตรี ที่พยายามจะอนุรักษ์ เอกลักษณ์ของพวกเขาไว้ ขณะเดียวกัน กลุ่มอื่นๆ ก็ต้องการที่จะ พัฒนา Rockabilly ให้กว้างขวางออกไปอีก ยุคปี 60 กลุ่มอนุรักษ์นิยม ทำการได้สำเร็จ ด้วยการพัฒนาย่าน Nashville ให้ เป็นศูนย์รวมของ อุตสาหกรรมแผ่นเสียง Country ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกันอย่างเต็มที่ พวกเขา พยายามที่จะ ไม่ให้สำเนียงดนตรีของชาวผิวดำ เข้ามาแทรกแซงอยู่ในผลงานของพวกเขา สถานีวิทยุ และโทรทัศน์ ย่าน Nashville ก็กำเนิดขึ้นมามากมาย เพื่อเป็นศูนย์กลาง กระจายลักษณะเด่นของ Country อย่างเต็มที่ จนกระทั่ง เสียงดนตรีจาก Nashville ได้ รับการขนานนามว่า Nashville-Sound
ยุคปี 60 และ 70 เสียงดนตรีจาก Nashville ได้รับความสนใจ จากคนเกือบทั้งประเทศ ผลงานจากนักร้อง นักแต่งเพลง เช่น Billy Sherrill, นักร้องสาว Tammy Wynnett กล่าวถึงปัญหาของสังคม และปัญหาของครอบครัว ได้อย่างถึงพริกถึงขิง และมีการพัฒนาต่อไป ในยุคของ Dolly Parton และ Bill Anderson ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิก ของดนตรีที่เรียกว่า "Country Disco" นั่นคือ การนำเอาจังหวะจะโคน และจุดเด่นของดนตรี disco เข้า มาผสานกับดนตรี country จากการดิ้นรนของ Nashville เพื่อ การอยู่รอด จึงทำให้ Nashville อยู่ในสภาพที่ ผลิตผลงาน country แนว ตลาด จุดมุ่งหมายเพื่อ มุ่งรายได้ให้กับศิลปิน และบริษัทแผ่นเสียง
ขณะเดียวกัน ดนตรี Country จาก ท้องถิ่นอื่น เช่น จากแถบ Texas กลับมีผลงาน ที่มุ่งถึงการสร้างสรรค์ มากกว่า ส่วนทางด้าน Rockabilly ก็มีการผนวกเอา ดนตรีสาขาอื่นๆ เข้าไปเป็นส่วนของการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เช่น Ray Charles นำเอาอิทธิพลของ ดนตรี Gospel เข้าไปผสมผสาน James Brown ร้องเพลง Hill Billy กับ วงดนตรีใหญ่ๆ ที่เล่นเสียงซับซ้อนกว่า Country โดยทั่วๆ ไป
ที่มา :

You are not allowed to view links.
Register or
Login