สุมหัว > รักจริง ทิ้งจริง

นิยาย แต่งเอง ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

(1/1)

ตลกอกหัก:
เป็นเรื่องที่เขียน และแต่งขึ้นเองนะคับ อาจจะเอาอารายหลายๆๆอย่างมาผสมกัน ตอนนี้ยังเขียนไม่เสร็จ แต่จะเขียนเรื่อยๆๆ ให้อ่านกันวันละนิดละหน่อย ไม่เยอะแต่อย่าว่ากันนะคับ แต่ไม่อยากให้มีการคอมเม้นในกระทู้นี้นะคับ เพราะว่า คนที่มาอ่านจะได้ไม่ต้องมาหาตอนใหม่อ่าน ให้ไปคอมเม้นอีกกระทู้หนึ่ง ซึ่้งผมจะสร้างเอาไว้ ดีไม่ดีไงติชมได้เลย ครั้งแรกในชีวิต



   “กรุงเทพหรือเปล่าน้อง หรือว่าพิษณุโลก” เสียงคนขายตั๋วรถดังขึ้นเพื่อ หาลูกค้า ในศูนย์ท่ารถประจำจังหวัด
   “เฮ้อ!!! ไม่ได้กลับบ้านมา เกือบ 2 เดือนแล้วนะเนี่ย” เสียงชายคนหนึ่ง รูปร่างสูง ใหญ่ ผิวสองสีพูดกับตัวเอง แล้วชายคนนั้นก็เดินขึ้นรถสองแถวสีเหลืองเก่าๆและได้นั่งลงตรงท้ายรถ
   เมื่อผู้โดยสารเต็ม ในขณะที่รถกำลังจะออกก็มี ผู้หญิงกำลังจะมาขึ้นรถ แต่ว่าในรถเต็มแล้วเธอจึงกำลังจะกลับตัวถอยหลังไป
   “นั่งตรงนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมโหนเอา” เสียงชายคนที่นั่งอยู่ท้ายรถเอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นเพื่อให้ผู้หญิงได้นั่งลง
   ผู้หญิงคนนี้ ไม่ถึงกับ
   เมื่อเธอนั่งลงแล้ว จึงได้หันมาพูดว่า “ขอบคุณค่ะ เออ...ช่วยถือกระเป๋าให้ไหมค่ะ”
   “อ้อ ไม่เป็นไรครับ แค่นี้สบายมาก”
   ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ชายหนุ่มได้สังเกตหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ว่าเธอคนนี้ก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา และยังคงต้องเป็นน้องปี 1 แน่นอนเลย เพราะยังแต่งชุดนิสิตแบบถูก ระเบียบ แทบจะ 100% อยู่เลย ถ้าอย่างนี้แสดงว่าเธอคนนี้ก็ต้องนั่งรถกลับมาคันเดียวกับเขาน่ะซิ ทำไมเค้าถึงไม่เห็นนะ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยอะไร แต่เธอคนนี้ก็น่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว
   “กริ๊งงงงง...” เสียงกริ่งของรถดังขึ้น
   รถสองแถวสีเหลือง ได้จอดลงหน้าปากซอยซอยหนึ่ง และสาวสวยคนนั้นก็ลุกขึ้นจากรถและบอกว่าขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินให้กับคนขับรถ และเดินเข้าซอยไป
   
   “แม่สวัสดีครับ พ่อสวัสดีครับ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมา
   “แหม...กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าบ้านนี้ไม่มีลุกชายแล้วซะอีก” เสียงของคนเป็นพ่อแอบแซวลูกชายที่พึ่งกลับมาบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมานาน
   “อย่าแซวจิครับ ก็พึ่งเปิดเทอมใหม่ มีกิจกรรมนิหน่า ก็เลยไม่มีเวลา” เสียงลูกชายรีบแก้ตัว
   “พ่อก็อย่าไปว่าซิ ชินมันไม่มีเวลาแหละ ก็โทรมาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ” เสียงแม่รีบออกตัวช่วยลูกชาย
   “ไปอาบน้ำนอนก่อนไหมลูก พึ่งจะ บ่าย 2 โมงกว่าๆ เอง แล้วหิวไหม จะกินอะไรก่อนไหม แต่วันนี้ตอนเย็นว่าจะไปกินข้าวข้างนอกนะ” แม่ถามลูกชายที่ดุท่าจะเหนื่อยจากการเดินทาง
   “ไม่หิวอ่ะครับ แต่ร้อนและเหนื่อยมากเลย เดี๋ยวชินไปอาบน้ำแล้วก็นอนที่ห้องดีกว่า แล้วค่อยไปกินตอนเย็นทีเดียว” พูดแล้วก็พลางเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็นมาดื่ม และเดินขึ้นบันไดไป

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
   “พี่ชิน ตื่นได้แล้ว จะ 5 โมงเย็นแล้วนะ พี่ชิน” เสียงของน้องสาวปลุกพี่ชาย
   ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
   “พี่ชิน จะตื่นไหมเนี่ย ไม่งั้น ชาไปกับ พ่อกับแม่ 3 คนนะไม่รอแล้วนะ” เสียงน้องสาวดังขึ้นอีกครั้งโดยเริ่มทำการขู่พี่ชาย
   “จ้าๆ ตื่นแล้ว ไม่ต้องเสียงดังก็ได้ เคาะทีเดียวก็ตื่นแล้ว” เสียงพี่ชายดังตอบกับไป
   แอ๊ด...
   เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับ พี่ชายตัวโต ที่เอามือเขกหัวน้องสาว 1 ทีข้อหาเสียงดังและข่มขู่”นี่แหน่ะ เสียงดังดีนัก”
   “โอ๊ย!!! คอยดูนะ เดี๋ยวจะไปฟ้องพ่อกับแม่ มาแกล้งชาเนี่ย” เสียงน้องสาวขี้ฟ้องข่มขู่อีกครั้ง
   “โอเคจ้า พี่ไม่กล้าแล้ว”พี่ชายเริ่มยอมจำนนกับน้องสาวขี้ฟ้องคนนี้
   “เดี๋ยวพี่ไปล้างหน้าแปปก่อนแล้วเด๋วตามลงไปนะ บอกรอด้วยแปปหนึ่งเดี๋ยวลงไป” พี่ชายบอกกับน้องสาว พร้อมกับขยี้หัวน้องสาว
   “จ้า เดี๋ยวลงไปบอกแม่ก่อนนะ แล้วรีบลงมานะ หิวข้าวแล้ว”เสียงน้องสาวตอบรับ พร้อมกับเร่งพี่ชาย
   “จ้าๆ จะรีบเลยจ้า”

   “จะมากินกันที่ร้านนี้จริงเหรอ ก็รู้ว่าชินกินอาหารทะเลไม่ได้” เสียงของคนที่กินอาหารทะเลไม่ได้ดังขึ้นมาเมื่อรถยนต์มาจอดที่หน้าร้านอาหารทะเลร้านหนึ่ง ที่มีบรรยากาศดี และมีสวนให้นั่งเล่นและอยู่ติดกับริมแม่น้ำ
   “นั่นซิพ่อ จะกินกันที่นี่จริงเหรอ” เสียงแม่เริ่มช่วยลูกชายอีกแรง
   “แต่ชาอยากกินนิหน่า แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีแต่อาหารทะเลสักหน่อย อย่างอื่นก็มีนะ เช่นไข่เจียว” เสียงสาวที่ชอบกินอาหารทะเลดังขึ้น
   “โหยยย ไข่เจียว คิดได้ไงเนี่ย” คนกินอาหารทะเลไม่ได้เริ่มบ่นอีกครั้ง
   “เอาน่ะ ชิน ก็ตอนแรกสัญญากับชาไว้แล้วว่าจะมากินกันที่นี่ ก่อนที่ชินจะโทรมาบอกว่าจะกลับนิหน่า แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีอาหารทะเลอย่างเดียว อย่างอื่นก็มีนะ และที่สำคัญ คราวที่แล้ว ชินก็เป็นคนเลือกที่กิน ครั้งนี้ก็ให้ชาเป็นคนเลือกและกัน” เสียงของผู้เป็นพ่อตัดสินด้วยความยุติธรรม
   ถึงแม้คนกินอาหารทะเลไม่ได้ ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องเลยตามเลย แต่ก็พูดกลับมาว่า”งั้นสั่งหอยทอดที่เป็นหอยนางรมด้วยนะ กินได้อย่างเดียวนิหน่า”
   “โอเค” เสียงสาวที่ชอบกินอาหารทะเลเป็นชีวิตจิตใจดังขึ้น

   “ยัยชา กินอย่างอื่นไปซิ ก็รู้ว่าพี่กินได้อย่างเดียวยังจะมาแย่งอีกนะ”เสียงผู้เป็นพี่โวยวายขึ้นเมื่อถูกน้องสาวแย่ง
   “แหมๆ พี่ชินก็แบ่งๆ กันน่า เอากุ้งของชาไหม ชายกให้”เสียงน้องสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย เมื่อได้แกล้งพี่ชายตัวเองได้
   “เอาน่ะชิน ก็ให้น้องกินไป เดี๋ยวสั่งใหม่อีกจานก็ได้”เสียงผู้เป็นแม่ห้ามปรามลูก”ชาก็อย่าไปแกล้งพี่เค้าก็รู้ว่าพี่เขากินไม่ได้” เสียงแม่พูดขึ้นเมื่อลูกสาวกำลังจะเอาช้อนที่มีกุ้งเผาชิ้น ใหญ่ในช้อนยัดปากพี่ชายให้ได้
   “ค่ะๆ ไม่แกล้งแล้ว กินต่อดีกว่า”เสียงลูกสาวดังขึ้นเมื่อถูกแม่ว่า
   “อิ่มแล้วครับ”เสียงลูกชายดังขึ้น”ขอไปเดินเล่นก่อนนะครับ”
   “อ้าว ทำไมอิ่มเร็วจะล่ะ” เสียงผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น
   “ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะครับ ก็กินเยอะแล้วนะ หอยทอดทั้งจาน ข้าวอีก”เสียงลูกชายตอบพ่อ “ขอไปเดินเล่นแถวนี้ดีว่าครับ”

ตลกอกหัก:
   พระอาทิตย์ครึ่งดวงที่ขอบฟ้า สีส้มแดงเหมือนไข่แดงไข่เป็ด ทำให้สีบริเวณขอบฟ้านั้นดูเป็นสีส้มไปทั้งหมด เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน
   “สวยจังเลย ไม่ได้เห็นแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย” เสียงหนุ่มพูดกับตัวเองระหว่างยืนดู พระอาทิตย์ตกดินและเดินไปเก้าอี้ริมน้ำและนั่งลง
   ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเกินมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ และนั่งลง โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้รู้ตัวเลย
   “สวยจังเลย”เสียวสาวพูดกับตัวเองอย่างเบา แต่ก็ยังดังพอที่จะทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองเธอ
   “เอ๊ะ!!! น้องเมื่อตอนกลางวันนิหน่า” ชายหนุ่มนึกในใจเมื่อหันไปมองหน้าหญิงสาวที่พูดจะทำให้เข้าหลุดออกจากการดูพระอาทิตย์ตกดิน
   “พี่น้ำ พี่น้ำคร้าบบบบบบบบ แม่ให้มาตามจะกลับกันแล้วครับ”เสียงหนุ่มน้อยที่กำลังวิ่งมา ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะหันไปพูดกับหญิงสาว ที่เหมือนจะชื่อว่าน้ำ
   “จ้า ไปเดี๋ยวนี้แหละ”เสียงของพี่สาวตอบหนุ่มน้อยพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินไปหาน้องชาย
   “ว้า!!! ยังไม่ได้ทักเลยแฮะ”ชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย แล้วหันกลับไปมองพระอาทิตย์ตกดิน ที่ตอนนี้ตกดินจนหมดดวงแล้ว
   พรึ่บ!!!
   แสงไฟจากหลอดนีออนบริเวณสวนสว่างขึ้น
   “กว่าจะเปิดไฟ น่าจะเปิดตั้งแต่มะกี๊ จะได้เห็นหน้าน้องเค้าชัดกว่านี้” เสียงชายหนุ่มบ่นอุบอิบ ”เอ๊ะ!!! น้องเค้าชื่ออารายนะ น้ำหรือเปล่านะ”
   “พี่ชินนนน” เสียงดังที่คุ้นหูดังขึ้น”พี่ชิน แม่เรียกแล้ว ไม่รับตามมาไม่รอนะ”
   “จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”ชินพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วหันไปมองที่ที่หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่และก็ต้องตกใจเมื่อมองเห็นของวางอยู่
   “อ้าว อารายวางอยู่หว่า” ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปดูของใกล้ๆ “อ้อ กระเป๋าเงินใครตกอยู่ สงสัยเป็นของเค้าล่ะมั้งเนี่ย”
   “อะไรเหรอพี่ชิน ของใครเหรอ”น้องสาวถามพร้อมกับมองกระเป๋าเงินสีชมพูดมีลายคิตตี้บนมือพี่ชาย
   “กระเป๋าเงินครายก็ไม่รู้อ่ะชา สงสัยน้องคนที่มานั่งอยู่ตรงนี้มะกี๊มั้งเนี่ย”
   “ก็ลองเปิดดูซิ จะได้รู้ว่าเป็นของใคร น่าจะมีบัตรประชาชน หรือรูปถ่ายอยู่บ้างล่ะน่ะ”น้องสาวเสนอแนะ
   “จะดีเหรอของใครก็ไม่รู้ แต่ถ้าไม่เปิดก็จะเอาไปคืนเขาไม่ได้อ่ะน้อ”พี่ชายถามพร้อมกับตอบเอง
   “น่านจิ”น้องสาวเห็นด้วย
   ชินค่อยๆ กระเป๋าเบาๆ เหมือนกับว่ากระเป๋านั้นทำมาจากกระดาษและกลัวมันจะขาด และพูดขึ้นว่า”อืม ใช่ของน้องน้ำจริงๆ ด้วยล่ะ”
   “เหรอ แล้วพี่ชินรู้จักเค้าเหรอ”น้องสาวถามด้วยความสงสัยที่พี่ชายรู้จักชื่อ
   “ก็ไม่เชิงหรอก พึ่งเคยเจอกันวันนี้วันแรกอ่ะ”พี่ชายตอบพร้อมกับออกเดิน”ไปเถอะชา เดี๋ยวพ่อกับแม่เค้าจะรอนาน”
   “แล้วรู้จักกันวันนี้แล้วทำไมรู้จักชื่อเค้าด้วยล่ะ แล้วพี่จะเอาไปคืนพี่เค้าไหม แล้วจะไปคืนยังไง”น้องสาวถามด้วยความอยากรู้
   “เรื่องมันยาวน่ะ ไว้เล่าให้ฟังทีหลังนะ”พี่ชายตอบเพื่อคลายความสงสัยให้กับน้องสาว”ก็คงคืนแหละ แต่ไว้พรุ่งนี้ก่อนค่อยว่ากัน”

ตลกอกหัก:
   “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง บังเอิญจังเลยน้อ หรือว่าจะเป็นพรหมลิขิตให้พี่รู้จักกันหรือเปล่า”น้องสาวพูดขึ้นหลังจากที่พี่ชายเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดแล้ว
   “ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว พี่ก็ง่วงแล้ว”พี่ชายรีบบอกให้น้องสาวไปนอน หลังจากที่น้องสาวแอบแซว
   “ชิ ไปนอนก็ได้ พรุ่งนี้จะไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง”พูดเสร็จ น้องสาวก็เดินออกไปจากห้องพี่ชายพร้อมปิดประตูเสียงดัง ปั่ง!!!
   “ไม่ต้องเล่าเลยนะ ยัยชา” เสียงพี่ชายตะโกนออกไป “ยุ่งซะทุกเรื่องจริงๆ น้องสาวครายก็ไม่รู้”
   “นอนดีกว่า เรื่องกระเป๋าเงินไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดและกัน” เสียงชายหนุ่มพูดพร้อมกับ ห่มผ้าห่มแล้วก็นอน
   
   “แม่คร้าบบ เช้านี้มีอารายกินบ้างคร้าบบบ”เสียงชายหนุ่มที่พึ่งตื่นนอนลงมาหาของกิน
   “พี่ชิน ถ้าจะกินตอนเช้าไม่ทันแล้วล่ะ นี่มันก็สายจนจะเที่ยงแล้ว นี่มัน 10 โมงครึ่งแล้วนะ”เสียงน้องสาวตอบกลับมาอย่างแซวๆ
   “นั่นแหละๆ ยังไม่เที่ยงสักหน่อย ถือว่ายังเช้าอยู่ หรือว่าชาไม่เรียกว่า 10 โมงเช้า เรียกว่า 10 โมงสายหรือเปล่าล่ะ”เสียงพี่ชายย้อนกลับไป
   และก่อนที่น้องสาวจะเถียงกลับมา ผู้เป็นแม่ที่ต้องคอยห้ามศึกตลอดเวลาก็ต้องพูดขึ้นมาว่า “พอเลยทั้ง 2 คน ตอนเช้านี้มีเข้าต้มกระดูกหมู ถ้าชินจะกินก็ไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วค่อยลงมากิน เดี๋ยวแม่จะไปอุ่นมาให้”
   “เหรอครับ ถึงได้ว่ากลิ่นอะไรหอมๆ ที่แท้ก็มาจากข้าวต้มกระดูกหมูของโปรดนี่เอง เดี๋ยวชินไปอาบน้ามก่อนนะครับ เดี๋ยวลงมากิน จะซัดให้เรียบเลย” เสียงลูกชายบอกแม่เมื่อได้รู้ว่าเช้านี้(ที่ไม่เช้าเท่าไหร่แล้ว)มีอาหารเป็นของโปรด พร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน
   “แหมๆ พอรู้ว่าของกินเป็นอะไรเช้าหน่อย รีบเชียว ลูกชายใครก็ไม่รู้น้อแม่” ลูกสาวหันไปหาแม่พร้อมกับเอ่ยถาม
   “พูดมากจิง ยัยชาเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเจอกัน”เสียงพี่ชายตะโกนจากข้างบนลงมา

   “แม่คร้าบ เสร็จยั้งคร้าบ ผมเสร็จแล้วนะคร้าบ” เสียงลูกชายเอ่ยถามผุ้เป็นแม่หลังจากอาบน้ามแต่งตัวใส่กางเกงยีนสืสีดำ กับเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน
   “เสร็จแล้วลงมาเลย วางอยู่บนโต๊ะแล้ว”ผู้เป็นแม่ตอบกลับลูกชาย
   “โอ้วโห หอมจังเลย น่ากินที่สุด”ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อได้เหงอาหารจานโปรดวางอยู่ตรงหน้า
   “พูดซะเว่อขนาดนั้น ทำเป็นไม่เคยกินไปได้”เสียงน้องสาวแซว
   “แน่ล่ะ ฝีมือแม่เนี่ย ไม่ใช่ว่าจะหากินได้ง่าย ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว”
   “เว่อจริงเลย พี่ชายใครก็ไม่รู้”
   “แล้วชินจะกลับเมื่อไหร่ล่ะลูก” เสียงแม่เอ่ยขึ้นขณะที่ลูกชายเอามือเขกหัวลูกสาว
   “โอ๊ยพี่ชิน แม่พี่ชินเขกหัวอีกแล้ว” ลูกสาวขี้ฟ้องโวยวายขึ้นมา
   “ก็มันน่าไหมล่ะ คิดว่าคงจะกลับพรุ่งนี้อ่ะแม่ พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายอ่ะครับ กลับพรุ่งนี้เช้าคงทัน” ผู้เป็นลูกตอบกลับแม่พร้อมกับตักข้าวต้มเข้าปาก
   “พี่ชินเค้ากลับวันนี้ไม่ได้หรอกแม่ พี่เค้ามีธุระสำคัญ ต้องเอากระเป๋าเงินไปคืน เนื้อคู่เค้า”เสียงลูกสาวดังขึ้นเพื่อแซวลูกชาย
   “ไม่เกี่ยวแล้ว ยัยชา”เสียงพี่ชายรีบแก้ตัว ขณะที่ข้าวยังเต็มปากอยู่เลย
   “อ้อ กระเป๋าตังของ รุ่นน้องที่มหาลัยที่ไปเจอที่ร้านข้าวเมื่อวานนี้อ่ะเหรอลูก”เสียงแม่เอ่ยถาม
   “อ้าว รู้ได้ไง ยัยชาแน่ๆ เล่าให้ฟังหมดบ้านแล้วมั้งเนี่ย พ่อก็คงรู้เรื่องแล้วด้วยมั้งเนี่ย”ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างสงสัย
   “จะเหลือเหรอ”เสียงน้องสาวตอบกลับ
   “แล้วจะทำไงอ่ะลูก จะเอาไปคืนเค้าที่ไหน”แม่ถามลูกชาย
   “อ๋อ ผมพอจะเห็นที่ๆ เค้าลงอ่ะครับ ว่าเป็นซอยไหน แต่ไม่รู้ว่าอยู่บ้านหลังไหน”ลูกชายตอบ
   “แล้วพี่ชิน จะไปเคาะประตูทุกบานเลยหรือไง”น้องสาวถามกลับพี่ชาย
   “จะบ้าเหรอ ก็เปิดกระเป๋าเงินดูบัตรประชาชนเอาซิ แล้วดุว่าบ้านเลขที่อะไร”พี่ชายตอบกลับน้องสาวอย่างทันควัน
   “โอ้โห พี่ชายเราฉลาดไม่เบาเลยแฮะ”น้องสาวพูดชมแต่น้ำเสียงประชดประชัน
   “แน่ล่ะ ใครจะเหมือนเราล่ะ ชา” พี่ชายรีบตอบกลับ
   “หมายความว่าไงพูดแบบนี้” น้องสาวรีบถามกับความหมายที่พี่ชายต้องการจะสื่อ
   “เปล่า ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ”
   “แม่ดูพี่ชินซิ ว่าหนูอีกแล้ว”ลูกสาวขี้ฟ้องรีบฟ้องแม่
   “เอาเถอะๆ พี่เค้าก็แซวเล่น ชินก็รีบกินไวๆ จะได้รีบเอากระเป๋าเงินไปคืน เจ้าของเค้าคงตามหาแย่แล้ว” ผู้เป็นแม่ยุติการทะเลาะของลูกทั้งสอง
   “ครับแม่ เดี๋ยวกินเสร็จก็คงจะไปเลยอ่ะครับ จะได้ไม่ร้อนมาก”ลูกชายตอบแม่
   “พี่ชิน ฝากไว้ก่อนเถอะ”น้องสาวยังไม่ยอม
   “จะไปไหมล่ะ ชา” พี่ชายเอ่ยถามน้อง
   “ไปไหน เอากระเป๋าไปคืนอ่ะเหรอ ไปจิ ไป ไปด้วยนะ”น้องสาวรีบอ้อนขอพี่ชาย
   “จะให้ไปดีไหมนะ มะกี๊ยังมาว่าๆ พี่อยู่เลย”พี่ชายทำเป็นเล่นตัว
   “โหยยยย พี่ชินก็ว่าชาเหมือนกานแหละ พาชาไปด้วยนะ จะได้หายกันไป น้อๆ ชาอยากเห็นหน้าพี่คนนั้น”น้องสาวยื่นข้อเสนอ
   “โอเค ก็ได้ จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม เดี๋ยวพี่กินเสร็จ จะได้ไปเลย”พี่ชายยอมรับข้อเสนอ
   “เย้ๆๆ พี่ชินใจดีจัง เดี๋ยวชาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ รอด้วยนะ ไม่ต้องรีบกิน”น้องสาวพูดแล้วรีบลุกออกไปจากที่เก้าอี้ทันที
   “อ้อ พี่ชิน พาชาไปซื้อของด้วยนะ ยังไม่ได้ซื้อของมาทำรายงานเลย”เสียงน้องสาวตะโกนลงมา

ตลกอกหัก:
   “รู้จักไหมเนี่ยพี่ชิน ว่าบ้านพี่เค้าหลังไหนอ่ะ” น้องสาวถามพี่ชายเนื่องจากขี่รถวนหามาหลายรอบแล้ว
   “ถ้ารู้จะมาวนแบบนี้เหรอ” พี่ชายรีบตอบกลับไป เพราะเริ่มเซ็งกับการที่หาไม่เจอแล้วน้องสาวก็เริ่มบ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
   “อ๊ะ นั่นไงพี่ชิน ใช่บ้านหลังนั้นเป่า 70/15 นี่” น้องสาวรีบสะกิดพี่ชายพลางชีไปที่บ้านหลังหนึ่ง มีรั้วบ้านสีขาวประตูสีเทา
   พี่ชายหันมองตามมือน้องสาวและพูดขึ้นว่า “ไหนๆ อ้อๆ ใช่จริงๆ ด้วย คิดไม่ผิดจริงๆ ที่พาชามาด้วยเนี่ย”
   พูดเสร็จคนขี่รถก็เลี้ยวรถแล้วตรงดิ่งไปที่หน้าบ้านพร้อมกับจอดรถมอเตอร์ไซด์ ถอดหมวกกันน๊อก และลงจากรถตรงไปที่หน้าบ้าน

   ออดดดด...ออด
   เสียงออดประจำบ้านดังขึ้น
   “หรือว่าเค้าจะไม่อยู่บ้านกันพี่ชิน” น้องสาวถามเมื่อเห็นกดออดนานแล้ว แต่ยังไม่มีคนออกมา “กดอีกที่ซิ พี่ชิน”
   ออดดด...ออด
   เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง
   “รอสักครู่ค่ะ กำลังออกไปแล้วค่ะ”เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากในบ้าน
   แอ๊ด... เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น พร้อมกับร่างหญิงสาวคนหนึ่ง รูปร่างไม่สูงมาก ผมขาว ผมยาว เดินออกมาจากบ้าน
   “มาหาใครเหรอค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเห็นคนที่อยู่หน้าบ้านนั้นไม่คุ้นตาซะเลย
   “เออ จำผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มถามขึ้น
   “เออ...เราเคยเจอกันด้วย อ้อ!!! นึกออกแล้ว คนที่อยู่บนรถสองแถว มะวานนี้นิหน่า”เสียงหญิงสาวพูดขึ้นเมื่อเริ่มนึกออกว่าคนหน้าบ้านคือใคร
   “แล้วมีธุระอะไรเหรอค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัยว่ามาหาที่บ้านทำไม
   “อ้อ มะวานนี้ น้องไปอาหารทะเลมาใช่ไหมล่ะ” ชายหนุ่มเริ่มเกลิ่นเหตุผลที่มาหา
   “อ้อ ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบ
   “แล้วน้องก็ได้ทำกระเป๋าเงินตกไว้ ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามขึ้นอีกคำถาม พร้อมกับโชว์กระเป๋าเงินสีชมพู
   “ใช่เลยพี่ นี่กระเป๋าเงินของหนูเอง พี่เก็บได้เหรอค่ะ หนูกระวนกระวายมากเลยที่ทำหาย เพราะมีของสำคัญอยู่ในนั้นด้วย” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความดีใจที่ได้ของสำคัญคืน
   ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าเงินให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “อ่ะ เอาไป ของสำคัญก็ต้องเก็บดีๆ ซิ”
   “ขอบคุณพี่มากๆ เลยนะค่ะ” หญิงสาวพูดพลางเอามือไปรับกระเป๋าเงินคืนมา
   “พี่ชื่อชินนะ น้องชื่ออะไรเหรอ” ชายหนุ่มถามพร้อมกับดึงมือกลับมา
   “อ้อ หนูชื่อน้ำค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะที่เก็บกระเป๋าเงินหนูให้อ่ะค่ะ” หญิงสาว
   “ไม่เป็นไรครับ แต่บ้านน้องนี่ก็หายากเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มพูด
   “อ้อ แล้วพี่รู้จักบ้านหนูได้ไงอ่ะค่ะเนี่ย”หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย
   “อ๋อ พี่ต้องขอโทษด้วยแล้วกันนะ พี่เปิดดูในกระเป๋าเงินน้อง แล้วก็ดูที่บัตรประชาชนดูที่อยู่อ่ะ รวมกับที่มะวานเห็นน้องลงตรงซอยนี้ก็เลยมาขี่รถวนหาดูอ่ะ หายากจริงๆ” ชายหนุ่มตอบคำถามหญิงสาวพร้อมกับขอโทษเธอ
   “อ๋อไม่เป็นไรค่ะพี่ เอ๊ะ!!! ดูบัตรประชาชน งั้นพี่ก็เห็นรูปที่หนูถ่ายบัตรจิเนี่ย อายจังเลย” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าอายๆ
   “ไม่ได้ทันดูหรอก ถึงในรูปไม่น่ารัก แต่ตัวจริงน่ารักก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มพูดเชิงแอบแซวหญิงสาว
   “วี๊ดวิววววววววว” เสียงน้องสาวตัวแสบดังขึ้น
   “อะไร” เสียงพี่ชายพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมองน้องสาว
   “เปล่า ไม่มีอารายค่ะ” น้องสาวตอบอย่างนอบน้อม
   “ใครมาเหรอลูก” เสียงผู้ชายในบ้านดังขึ้น
   “งั้นพี่ไปก่อนดีกว่านะ วันนี้กินข้าวมาอิ่มแล้ว ยังไม่อยากกินลูกปืน” ชายหนุ่มพูดเชิงขำขัน แล้วรีบขึ้นรถ แล้วขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าผุ้ชายในบ้านจะวิ่งตามเขาทัน
   “ตลกจัง จะรีบไปไหน ทำเป็นกลัวไปได้ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” เสียงหญิงสาวพูดกับตัวเองพร้อมกับหัวเราะ
   “ตกลงใครมาอ่ะลูก” เสียงงพ่อถามลูกสาว
   “อ๋อ แค่พี่คนหนึ่งที่เค้าเก็บกระเป๋าเงินหนูได้ที่ร้านอาหารมะวานนี้ แล้วเค้าเอามาคืนน่ะค่ะพ่อ” ลูกสาวตอบพ่อกลับ
   “อ้อ งั้นก็เข้าบ้านเหอลูก ตรงนี้แดดร้อน ไม่ร้อนหรือไง เดี๋ยวก็ดำหรอก” พ่อพูดขึ้นพลางดึงมือลูกสาวเข้าบ้านไป
   “ดำเหรอค่ะ โดนแค่นี้ไม่ดำหรอกค่ะ แค่นี้เอง ถึงดำก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” ลูกสวตอบพ่อกลับ
   “อ้าว ดำเดี๋ยวก็ไม่สวย เดี๋ยวประกวดไม่ได้ที่ 1 นะ ไอ้ประกวด เฟรชๆ อะไรของลูกน่ะ” พ่อเป็นพ่อทักขึ้น
   “ดาวกับเดือน เฟรชชี่ค่ะพ่อ หนูไม่เห็นจะอยากได้เลย ไม่ได้อยากประกวดด้วยซ้ำ คนสวย น่ารักกว่าหนูมีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นหนูด้วยก็ไม่รู้” ลูกสาวพูดขึ้นพร้อมกับ ปิดประตู
   ปั้ง!!!

ตลกอกหัก:
   “โหยร้อนเป็นบ้าเลย ถ้าไม่ต้องไปซื้อของ ไม่ไปด้วยหรอกนะเนี่ย วนไปวนมาตั้งนานร้อนก็ร้อน” เสียงน้องสาวบ่นเมื่อกลับมาถึงบ้าน
   “แหมๆ ตอนชวนนะ รีบตอบเชียวว่าไป แถมยังอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อจะได้ไปอีกต่างหาก แล้วยังจะมาบ่นอีก ไปทำรายงานได้แล้วไป” พี่ชายบ่นน้องสาวกลับ พลางเอามือไปผลักตัวน้องสาว
   “จ้าๆ น้องสาวผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่บ่นพี่ชายอีกต่อไปแล้วค่า ไปทำรายงานดีกว่า” เมื่อพูดเสร็จน้องสาวก็วิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อจะทำงาน
   “กลับมาแล้วเหรอ ชิน” แม่เดินออกมาจากครัวถามลูกชาย
   “ครับ กลับมาแล้วกลับมาถึง ชาก็บนใหญ่เลย ว่าร้อนอย่างโน้น ไม่น่าไปด้วยเลย ตอนนี้ขึ้นไปทำรายงานแล้วครับ” ลูกชายตอบแม่ขณะนั่งลง
   “อืม เป็นไงบ้างล่ะ ชิน เอากระเป๋าไปคืนน่ะ” แม่ถามและนั่งลงข้างๆ
   “ก็ดีครับ แต่ร้อนมากข้างนอกอ่ะ”ลูกชายตอบ
   “ดีซิแม่ ไปเจอสาวมานิหน่า น่ารักมากเลยแม่” เสียงลูกสาวตะโกนแซวมาขากข้างบน “พี่ชินเค้าคงไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก ชานั่งอยู่บนรถรอพี่ชินคุยกับพี่เค้านะ ร้อนจะตาย พี่ชายยังคุยไป แซวไป ยิ้มไปเลยแม่”
   “ยายชา.... เงียบไปเลย” เสียงพี่ชายตะโกนกลับขึ้นไป
   ที่ตะโกนคุยกันได้นั้น เพราะว่าบ้านนี้ เป็น บ้าน 2 ชั้นโดยที่มีชั้นลอยระหว่างชั้น 1 กับ ชั้น 2 แล้วที่นั่งทำงานของลูกชาย ลูกสาวก็อยู่ที่ชั้นลอย
   “แต่ว่าชาว่าชาคิดผิดแล้วล่ะ ที่เมื่อคืนชาบอกว่า พี่ชินกับพี่เค้าน่ะ เป็นเนื้อคู่กัน พี่เค้าออกจะดูดี ขาวและน่ารักซะขนาดนั้น แต่พอมาดูพี่ชินซิ หล่อก็ไม่หล่อ แถมยังจะ เริ่มอ้วนแล้วอีกต่างหาก” น้องสาวตะโกนแซวพี่ชายกลับมา แต่ไม่รู้เลยว่า คำพูดนี้ทำให้พี่ชายของเธอคิดมาก

   ค่ำคืนที่มืดสนิท แต่ยังมีแสงของพระจันทร์และแสงของดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ในห้องนอนของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งถึงเวลาที่เขาควรจะนอนได้แล้ว แต่เขายังคงนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมา เพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดของน้องสาวที่พูดขึ้นอย่างไม่คิดในตอนกลางวัน
   “เฮ้อ ทำไมนอนไม่หลับนะ ปกติก็ไม่เป็นแบบนี้นิหน่า” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง
   “สงสัยจะคิดเรื่องที่ ชา พูดมาเกินไป แต่ก็หยุดคิดไม่ได้เหมือนกัน”
   “เฮ้อ!!!” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่
   “แต่ก็จริงอย่างที่ ชา ว่าน่ะแหละ เราน่ะไม่เหงจะมีอารายดีเลยน้อ หล่อก็ไม่หล่อ แถมยังเริ่มจะอ้วนขึ้นแล้วด้วย ตัดใจเลิกคิดถึงน้องน้ำดีกว่า”
   “แต่มันก็เลิกไม่ได้ เฮ้อ!!! ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ท่าจะชอบน้องเค้าจริงๆ แล้ว ชอบใครทีไร ก็ต้องมาเป็นแบบนี้ทุกที หายใจเข้าออกก็เป็นแต่เธอคนนั้น เฮ้อ!!!” เสียงถอนหายใจ แล้ว หายใจอีก จนกระทั่ง ผู้เป็นเจ้าของห้องค่อยๆ หลับไป

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version